นายเรวัติ
พันธุ์พิพัฒน์ กวีซีไรต์
“...เราทำงานเขียนเราต้องปิติแบบดื่มด่ำก็ถือเป็นการประสบความสำเร็จแบบส่วนตัวแล้ว
เหมือนคล้ายกับลงมือทำสวน เพราะมีความสุขได้พรวนดิน...”
ผมขอกล่าวบทกลอนก่อนจะพูด
ดังนี้ "ลมหวาน สายน้ำ ต้นลำพู มาเรียน มารู้ มารังสรรค์
เรียงร้อยถ้อยคำเป็นสำคัญ ดั่งกันและกัน ฉันและเธอ วันหนึ่ง วันนี้ในชีวิต
จะติดตรึงใจไปเสมอ คำคนดลใจให้พบเธอ ล้นเอ่อริมฝั่ง ดั่งแม่กลอง"
การไม่เรียนหนังสือมีผลต่อการเขียนหนังสือหรือไม่
ผมคิดว่ามันไม่ใช่เรียนน้อยหรือเรียนมาก แต่ตนเองมีปมด้อยเรียนน้อย
จึงใช้การเขียนหนังสือเพื่อจะให้เท่าเทียมกับคนที่ได้เรียน
ใช้การเขียนหนังสือเหมือนเด็กวัยรุ่น
เขียนหนังสือต่อสู้เพื่อเทียบเท่ากับเพื่อน
อีกทั้ง ผมเชื่อว่าการเขียนนั้น ผมใช้วิธีการอ่านหนังสือ
เอานวนิยายเรื่องสั้นที่เราอ่านเป็นครูอาจารย์ ซึ่งคนที่มีโอกาสได้เรียนน่าจะได้เปรียบคนได้เรียนน้อย
เพราะมีโอกาสสัมผัสหนังสือได้มากกว่าคนที่เรียนน้อย
ทั้งนี้ช่วงแรกผมหัดเขียน
ตอน ม.6
ก็จะหาหนังสืออ่านยาก แต่มีหนังสืออ่านเล่นแค่เล่มเดียวก็ดีใจแล้ว
เพราะไม่มีทีวี ไม่มีไฟฟ้า อาศัยแต่หนังกลางแปลง ละคร
วิทยุบ้างและหนังสือทุกประเภทที่พบเจอเกิดในหมู่บ้านและในบ้านที่ไม่มีใครอ่านหนังสือ
ไม่เห็นว่าหนังสือสำคัญ ดังนั้น คนได้เรียนน่ามีโอกาสไปได้เร็วกว่าคนอื่นๆและผมด้วย
ช่วงเริ่มต้นเขียนหนังสือใหม่ๆ
ต้องต่อสู้กวีรุ่นพี่ โดยช่วงแรกเรียนจบม.6 เริ่มด้วยเขียนเรื่องสั้นโดยคัดลายมือลง
ส่งไปยังนิตยสารฟ้าเมืองทอง มีนายนิรันศักดิ์ บุญจันทร์
เป็นบรรณาธิการ ได้มีเรื่องสั้นได้ลง เราก็คิดว่าน่าจะเป็นนักเขียนได้
ถึงแม้ไม่ได้มีความรู้ แต่ก็มีเรื่องลง ถึงแม้จะไม่ได้ค่าตอบแทน
หรือทวงค่าต้นฉบับอย่างไร
และต้องอาศัยศรัทธาในการรอคอย โดยปั่นจักรยานเข้าอำเภอไปยังแผงหนังสือว่ามีเรื่องเราลงหรือไม่
ถึงแม้จะมีเรื่องลง แต่ก็ไม่มีเงินซื้อ
หากให้มองย้อนไปก็ดีมีคุณค่าทำให้เรามีความอดทน ศรัทธาต่อสิ่งที่เรารัก
หากผมเขียนงานแล้วฝืดๆ
ผมก็ทิ้งไปเลย และอาจเผางานด้วย แต่เราจะไปรู้สึกกับเรื่องอื่นต่อไป
หากฝืนเขียนงานต่อไปก็คงไม่มีประโยชน์ต่อเรา อย่างเรื่องสั้นก็ใช้เวลาครึ่งวันหรือสองวันก็จบ
ทั้งนี้เคยแอบเป็นเหมือนกันว่างานเขียนขายไม่ได้บ้าง เพราะต้องยอมรับ
แต่ก็ต้องเคารพซึ่งกันและกันดีกว่าอิจฉาตาร้อนกัน
ส่วนการประสบความสำเร็จในงานเขียนได้นั้น
ขณะเราทำงานเขียนเราต้องปิติแบบดื่มด่ำก็ถือเป็นการประสบความสำเร็จแบบส่วนตัวแล้ว
เหมือนคล้ายกับลงมือทำสวน เพราะมีความสุขได้พรวนดิน ได้รดน้ำต้นไม้
หากเรามีความสุขกับการลงมือทำระหว่างทางระหว่างบรรทัด
เพราะผมสนใจงานเขียนที่เน้นในระหว่างบรรทัด ผมไม่สนใจว่าเรื่องนี้จะลงเอยไง
แต่ผมชอบเก็บงานระหว่างบรรทัด ที่มีอะไรมากกว่าถึงสู่จุดจบ ผมชอบเน้นงานระหว่างบรรทัด
เรามีความสุขลงมือเขียน มีสมาธิกับงาน ก็ถือประสบความสำเร็จแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น