วันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

แรงบรรดาลใจ 2


นายเรวัติ พันธุ์พิพัฒน์ กวีซีไรต์

...เราทำงานเขียนเราต้องปิติแบบดื่มด่ำก็ถือเป็นการประสบความสำเร็จแบบส่วนตัวแล้ว เหมือนคล้ายกับลงมือทำสวน เพราะมีความสุขได้พรวนดิน...

ผมขอกล่าวบทกลอนก่อนจะพูด ดังนี้ "ลมหวาน สายน้ำ ต้นลำพู มาเรียน มารู้ มารังสรรค์ เรียงร้อยถ้อยคำเป็นสำคัญ ดั่งกันและกัน ฉันและเธอ วันหนึ่ง วันนี้ในชีวิต จะติดตรึงใจไปเสมอ คำคนดลใจให้พบเธอ ล้นเอ่อริมฝั่ง ดั่งแม่กลอง"

การไม่เรียนหนังสือมีผลต่อการเขียนหนังสือหรือไม่ ผมคิดว่ามันไม่ใช่เรียนน้อยหรือเรียนมาก แต่ตนเองมีปมด้อยเรียนน้อย จึงใช้การเขียนหนังสือเพื่อจะให้เท่าเทียมกับคนที่ได้เรียน ใช้การเขียนหนังสือเหมือนเด็กวัยรุ่น เขียนหนังสือต่อสู้เพื่อเทียบเท่ากับเพื่อน  อีกทั้ง ผมเชื่อว่าการเขียนนั้น ผมใช้วิธีการอ่านหนังสือ เอานวนิยายเรื่องสั้นที่เราอ่านเป็นครูอาจารย์ ซึ่งคนที่มีโอกาสได้เรียนน่าจะได้เปรียบคนได้เรียนน้อย เพราะมีโอกาสสัมผัสหนังสือได้มากกว่าคนที่เรียนน้อย

ทั้งนี้ช่วงแรกผมหัดเขียน ตอน ม.6 ก็จะหาหนังสืออ่านยาก แต่มีหนังสืออ่านเล่นแค่เล่มเดียวก็ดีใจแล้ว เพราะไม่มีทีวี ไม่มีไฟฟ้า อาศัยแต่หนังกลางแปลง ละคร วิทยุบ้างและหนังสือทุกประเภทที่พบเจอเกิดในหมู่บ้านและในบ้านที่ไม่มีใครอ่านหนังสือ ไม่เห็นว่าหนังสือสำคัญ ดังนั้น คนได้เรียนน่ามีโอกาสไปได้เร็วกว่าคนอื่นๆและผมด้วย

ช่วงเริ่มต้นเขียนหนังสือใหม่ๆ ต้องต่อสู้กวีรุ่นพี่ โดยช่วงแรกเรียนจบม.6 เริ่มด้วยเขียนเรื่องสั้นโดยคัดลายมือลง ส่งไปยังนิตยสารฟ้าเมืองทอง มีนายนิรันศักดิ์ บุญจันทร์ เป็นบรรณาธิการ ได้มีเรื่องสั้นได้ลง เราก็คิดว่าน่าจะเป็นนักเขียนได้ ถึงแม้ไม่ได้มีความรู้ แต่ก็มีเรื่องลง ถึงแม้จะไม่ได้ค่าตอบแทน หรือทวงค่าต้นฉบับอย่างไร  และต้องอาศัยศรัทธาในการรอคอย โดยปั่นจักรยานเข้าอำเภอไปยังแผงหนังสือว่ามีเรื่องเราลงหรือไม่ ถึงแม้จะมีเรื่องลง แต่ก็ไม่มีเงินซื้อ หากให้มองย้อนไปก็ดีมีคุณค่าทำให้เรามีความอดทน ศรัทธาต่อสิ่งที่เรารัก

หากผมเขียนงานแล้วฝืดๆ ผมก็ทิ้งไปเลย และอาจเผางานด้วย แต่เราจะไปรู้สึกกับเรื่องอื่นต่อไป หากฝืนเขียนงานต่อไปก็คงไม่มีประโยชน์ต่อเรา อย่างเรื่องสั้นก็ใช้เวลาครึ่งวันหรือสองวันก็จบ ทั้งนี้เคยแอบเป็นเหมือนกันว่างานเขียนขายไม่ได้บ้าง เพราะต้องยอมรับ แต่ก็ต้องเคารพซึ่งกันและกันดีกว่าอิจฉาตาร้อนกัน

ส่วนการประสบความสำเร็จในงานเขียนได้นั้น ขณะเราทำงานเขียนเราต้องปิติแบบดื่มด่ำก็ถือเป็นการประสบความสำเร็จแบบส่วนตัวแล้ว เหมือนคล้ายกับลงมือทำสวน เพราะมีความสุขได้พรวนดิน ได้รดน้ำต้นไม้  หากเรามีความสุขกับการลงมือทำระหว่างทางระหว่างบรรทัด เพราะผมสนใจงานเขียนที่เน้นในระหว่างบรรทัด ผมไม่สนใจว่าเรื่องนี้จะลงเอยไง แต่ผมชอบเก็บงานระหว่างบรรทัด ที่มีอะไรมากกว่าถึงสู่จุดจบ ผมชอบเน้นงานระหว่างบรรทัด เรามีความสุขลงมือเขียน มีสมาธิกับงาน ก็ถือประสบความสำเร็จแล้ว

ส่วนการที่นักเขียนหน้าใหม่จะแจ้งเกิดได้ตอนนี้จะยากกว่าที่เคยแจ้งเกิดหรือไม่นั้น ในปัจจุบันก็มีบล็อกให้เขียนหนทางแสดงตัวตนได้ จึงขึ้นอยู่ตัวคุณ และมุ่งมั่นอยากจะเป็นหรือไม่ ถึงจะมีสนามน้อย แต่ก็มีงานเขียนเก็บไว้ก่อนได้  ส่วนประเด็นที่เขียนเรื่องเอาใจตลาดนั้น ผมไม่เขียนเอาใจคนอ่านอยู่แล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น