วันอังคารที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2556
วิธีการชุบชีวิตตามตำนานต่างๆ
ศาสตร์วิชา“มนตร์สัญชีวนี(วิชาที่ทำให้ไม่ตาย)”
ศาสตร์วิชา“มนตร์สัญชีวนี(วิชาที่ทำให้ไม่ตาย)”
จากการศึกษาผลงานของ อาจารย์ อัตถนิช โภคทรัพย์(นายขยะ) และการติดต่อโดยส่วนตัว(๒ครั้ง)
ทำให้ทราบว่ายังมีศาสตร์วิชาโบราณที่ก้าวหน้าเกินจะคาดเดา นั่นคือ มนตร์สัญชีวนี(วิชาที่ทำให้ไม่ตาย)
ความหมายของ มนตร์สัญชีวนี นี้ค่อนข้างกว้าง วิชาที่ทำให้ไม่ตายตามหลักสูตรโบราณแบ่งได้๓สาขาวิชา ดังนี้
๑.มนตร์/วิชาชุบชีวิต(โคลนนิ่ง) วัตถุดิบสำคัญ คือ เศษเถ้ากระดูก อัฐิของผู้ตาย(ในกรณีที้เผาไปแล้ว)หรือซากศพ(ที่ตายใหม่ๆยังไม่เน่า)
เนื้อ และเลือด หรือ ชิ้นส่วนคนเป็น(หรือเศษเซลล์ที่ยังมีชีวิต) สถานที่ประกอบพิธี กองไฟขนาดใหญ่
วิชานี้คือการใช้อำนาจจิตเหนือสนามพลังงานที่เป็นกสิณนำจิตดวงเดิมของผู้ตายมาสถิตในร่างที่ทำการสังเคราะห์ขึ้นมาใหม่
(ผู้ทำพิธีมักเป็นฤาษีที่มีความรู้เรื่องวิชาจิตสรีระศาสตร์เป็นอย่างดี) ตัวอย่างผู้ผ่านพิธีกรรมนี้ ได้แก่
๑.นางมณโฑ มเหสีทศกัณฐ์ เดิมทีนางเป็นกบแล้วตายเพราะช่วยฤาษีทั้ง๔จากพิษนาค ฤาษีทั้ง๔จึงทำพิธี”ชุบ”
ชีวิตและเสกนางเป็นสาวงามและตั้งชื่อว่า นางมนโฑ ซึ่งหมายถึง นางกบ
๒. พระลบฝาแฝดของพระมงกุฎ เกิดจากความผิดพลาดทางเทคนิคของท่านฤๅษีวัชมฤควัน
เมื่อครั้งที่พระรามสั่งพระลักษณ์ให้นำนางสีดาไปประหารเนื่องจากแอบวาดภาพของทศกัณฐ์ให้นางรับใช้ดู
พระลักษณ์สงสารเลยปล่อยตัวไป นางกับพระมงกุฎจึงไปอาศัยอยู่กับฤๅษีวัชมฤค
วันหนึ่งนางสีดาไปทรงน้ำที่ลำธารปล่อยพระมงกุฎอยู่กับพระฤๅษี ขณะนั่นฤๅษีทำสมาธิอยู่
นางกำลังทรงน้ำเห็นชะนีอุ้มลูกน้อยจึงคิดถึงลูกกลับไปนำพระมงกุฎมาทรงน้ำ
ฤๅษีออกจากสมาธิไม่เห็นพระมงกุฎกลัวนางจะเสียใจ(คิดว่าตัวเองทำลูกนางสีดาหาย)จึงทำพิธี”เนรมิต”กุมารขึ้น
นางกลับมาพอดี พระฤๅษีจะเลิกทำพิธีแต่นางขอร้องให้ทำต่อเพื่อจะได้เป็นเพื่อนเล่นกับพระมงกุฎเมื่อทำพิธีเสร็จ
เกิดกุมารขึ้นเหมือนพระมงกุฎทุกประการจึงให้ชื่อว่า พระลบ(สาขาวิชานี้สูงกว่าของนางมณโฑนิดนึง คือเป็นการ
โคลนนิ่งโดยการแยกส่วน(ก๊อปปี้)จิตของคนเป็น มาสถิตในร่างที่ทำการสังเคราะห์ขึ้นมาใหม่ จนเกิดเป็น พระลบ ขึ้นมา
๓.หลวิชัย-คาวี เดิมทีเป็นลูกเสือและลูกวัวแต่สาบานเป็นพี่น้องร่วมกัน เป็นลูกกำพร้าทั้งคู่ จึงออกเดินทางท่องเที่ยวไปในป่า
วันหนึ่งไปถึงอาศรมฤาษี ฤาษีแปลกใจมากที่สัตว์ทั้งสองเป็นเพื่อนรักกัน(สงสัยกลัวถูกจับออกงานวัด)ฤาษีกลัวว่าจะเดินทางลำบาก
จึงชุบชีวิตลูกเสือลูกวัวให้เป็นคน และตั้งชื่อลูกเสือว่าหลวิชัย ลูกวัวชื่อคาวี หลวิชัยกับคาวีก็เรียนศิลปวิทยา(ศิลปะศาสตร์๑๘ประการ?)
กับฤาษีจนเติบโต เมื่อมีอายุพอสมควรแล้ว หลวิชัยกับคาวีก็ขอลาพระฤาษีไปเผชิญโชค ฤาษีให้พระขรรค์วิเศษที่บรรจุ”หัวใจ”
(“วิชาถอดดวงใจ”เป็นมนต์สัญชีวนีระดับสูง)ของหลวิชัยกับคาวีไว้ ภายหลังคาวีได้อภิเสกกับพระนางจันทร์สุดา(นางผมหอม)
และได้เป็นกษัตริย์ ต่อมายายเฒ่าทัดประสาดซึ่งเคยเป็นพี่เลี้ยงของนางจันทร์สุดา รู้เรื่องพระขรรค์วิเศษที่บรรจุหัวใจของคาวี
จึงเกิดความคิด และชวนให้คาวีกับพระนางจันทร์สุดาไปสรงน้ำที่ชายทะเล คาวีและพระนางจันทร์สุดาถอดเครื่องทรงรวมทั้งพระขรรค์ให้
ยายเฒ่าเก็บรักษา ยายเฒ่าได้ทีนำพระขรรค์ไปเผาไฟ คาวีกำลังว่ายน้ำเล่นก็รู้สึกร้อนจึงรีบชวนนางจันทร์สุดาว่ายกลับเข้าฝั่ง
พอถึงชายหาดคาวีเห็นยายเฒ่ากำลังเผาพระขรรค์อยู่ ก็นึกโกรธที่พระนางจันทร์สุดาไม่รักษาความลับ แต่ยังไม่ทันพูดคาวีก็ล้มลงสิ้นสติ
พระนางจันทร์สุดาตกพระทัยมากได้แต่ร่ำไห้กอดร่างคาวี ยายเฒ่าจึงรีบให้ทหารของท้าวสัณนุราชนำพระนางจันทร์สุดาไปถวายท้าวสัณนุราช
ภายหลังฤาษีมาช่วยไว้ได้โดยการนำพระขรรค์วิเศษที่บรรจุหัวใจของคาวี มาชุบชีวิต(โคลนนิ่ง)ให้ใหม่ในร่างเดิม
๒.วิชาถอดดวงใจ(การปฏิเสธเหตุการณ์) สาขาวิชาผู้ทำพิธีต้องมีความเชี่ยวชาญเรื่องจิตในระดับสูงมาก เช่น พระฤาษีโคบุตร
ผู้ถอดดวงใจให้ทศกัณฐ์ นับเป็นพระฤาษีที่มีฤทธิ์มาก เป็นครูฝ่ายยักษ์ ได้สั่งสอนวิชาเวทวิทยาอาคมขลังจนทำให้ทศกัณฐ์ กำเริบเสิบสาน
ระรานทั่วทั้งสามโลก แต่ภายหลังสู้พระรามไม่ได้ ทศกัณฐ์ขอร้องให้อาจารย์ช่วยถอดดวงใจ เพื่อตนจะได้เป็นอมตะไม่มีวันตาย
เมื่อพระฤาษีโคบุตรเห็นใจช่วยถอดดวงใจออกมาไว้นอกร่างกายทศกัณฐ์ก็ยิ่งมีฤทธิ์ไม่กลัวตายเพราะใครก็ทำอะไรตนเองไม่ได้
วิชาถอดกล่องดวงใจนี้ถือว่าเป็นยอดวิชาที่สร้างความคงกระพันไม่มีวันตายได้ ในมหาสงครามครั้งสุดท้าย พิเภกบอกกลอุบายให้พระรามและหนุมาน
ได้ทราบ หนุมานจึงไปหลอกทศกัณฐ์ว่าตนทะเลาะกับพระรามไม่ขออยู่ด้วยแล้วต่อไปนี้จะช่วยทศกัณฐ์รบ ทศกัณฐ์หลงกลรักหนุมานดั่งลูก
ที่สุดหนุมานสืบได้ว่ากล่องดวงใจอยู่ที่พระฤาษีโคบุตร หนุมานกับองคตจึงเข้าไปหลอกล่อ ลวงขอกล่องดวงใจของทศกัณฐ์
ที่สุดพระฤาษีโคบุตรเสียรู้ ทศกัณฐ์จึงต้องตายในสนามรบ โดยพระรามแผลงศร(ธนุรเวท-เครื่องยิงขีปนาวุธข้ามกำแพงเวลา)
ในขณะที่หนุมานขยี้กล่องดวงใจ ดังนั้นเรื่องตบะฌานอันแก่กล้าของพระฤาษีโคบุตรจึงถือว่าสุดยอดหาผู้ใดมาเปรียบด้วยยาก
เพราะมีเพียงพระฤาษีไม่กี่ตนเท่านั้นที่จะสามารถทำวิชาอันน่าอัศจรรย์นี้ได้ ดังนั้นพระฤาษีโคบุตรจึงถูกยกย่องว่า
เป็นพระฤาษีที่มีฤทธิ์วิทยาแก่กล้ามากตนหนึ่งในเรื่องรามเกียรติ์
การถอดดวงใจของทศกัณฐ์นี้ไม่ใช่การควักหัวใจออกมาจริงๆ(เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ควักหัวใจออกมาแล้วจะไม่ตาย)แต่หมายถึง
ความสามารถในการควบคุมจิตที่เป็น”สนามแรงที่รองรับเหตุการณ์(สนามแรง คือ จิต/เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนจิต คือ กายเนื้อ)”ให้เป็นอิสระจากกัน
ดังนั้นเมื่อกายเนื้อของทศกัณฐ์ถูกโจมตี หรือทำลายมันจะไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อดวงใจ(จิต)ของทศกัณฐ์ เพราะสนามแรงไม่ถูกทำลาย มันจึงปฏิเสธเหตุการณ์อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นบนกายเนื้อ ทำให้เป็นอมตะไม่มีวันตาย(ถ้าจะให้ตายในทันทีต้องทำลายทั้งจิตและกายเนื้อพร้อมกัน)
แบบซาลามานเดอร์หรือจิ้งจกที่แม้ขาหรือหางจะขาดก็ยังงอกใหม่ได้(เพราะเกิดการกระทบกระเทือนเฉพาะกายเนื้อไม่ถึงระดับโครงสร้างจิต)
แต่ที่โบราณเรียกชื่อวิชานี้ว่า การถอดดวงใจ เพราะโบราณถือว่าร่างกายจะยุติการทำงาน(ตาย)ก็ต่อเมื่อหัวใจหยุดทำงานไม่ใช่สมอง
เช่นการทำมัมมี่ของอียิปต์ จะเน้นการเก็บรักษาหัวใจเป็นหลักเพราะถือว่าเป็นศูนย์ของการมีชีวิต หรือในปี๒๔๘๘มีเรื่องของ“ไมค์ ไก่ผู้ไร้หัว”
ที่สามารถอยู่ได้โดยไร้หัวถึง ๑๘ เดือน!?!(คล้ายแมลงสาบที่ตัดหัวแล้วอยู่ได้๙วันแล้วจึงตายเพราะขาดอาหาร)
หมายเหตุ เป็นไปได้รึไม่ว่า เจ.เค.โรว์ลิง ผู้แต่ง harry potter จะเคยอ่าน ”รามเกียรติ์” เพราะการสร้าง “ฮอร์ครักซ์(Horcrux)
7 ทั้งชิ้น”ของ”โวลเดอมอร์” คล้ายการถอดดวงใจของทศกัณฐ์(หากคิดว่าโวลเดอมอร์มีงูนากินีเป็นฮอร์ครักซ์ที่มีชีวิต
แล้วรามเกียรติ์มีมั๊ย?ก็จงไปดูไมยราพณ์ที่ถอดดวงใจไว้ในแมลงภู่ แล้วนำไปซ่อนไว้ที่ยอดเขาตรีกูฏ)
๓.วิชาย้ายร่าง(สถิตในร่างคนตาย) อีกสาขาวิชาผู้ทำพิธีต้องมีความเชี่ยวชาญเรื่องจิตในระดับสูงมากๆ เป็นวิชาสำหรับย้ายวิญญาณ(จิต)
จากร่างหนึ่งไปสู่อีกร่างหนึ่ง มีปรากฏในนิทานเวตาล เรื่องที่ ๒๓ เรื่องของฤๅษีเฒ่า วามศิวะ ผู้อยากเป็นหนุ่ม โดยฤาษีเฒ่าผู้มีมนตร์วิเศษ
ก็เกิดความคิดว่าตนจะเข้าสิงร่างเด็กหนุ่มเพื่อละร่างชราน่าเกลียดของตนกลับไปเป็นหนุ่มอีกครั้งหนึ่ง ฤาษีเฒ่าผู้ต้องการจะเป็นหนุ่มอีก
ก็ละร่างของตนและร่ายมนตร์วิเศษเข้าสิงร่างเด็กหนุ่มในบัดดล ทันใดนั้นร่างของเด็กหนุ่มซึ่งนอนอยู่บนกองฟืนในจิตกาธาน
ก็ขยับร่างและลุกขึ้นนั่งพร้อมกับอ้าปากหาวนอน เมื่อบรรดาญาติและคนทั้งหลายที่รายล้อมอยู่ ณ ที่นั้นแลเห็นก็พากันส่งเสียงตะโกนกึกก้องว่า
“ไชโย เขาฟื้นแล้ว เขาฟื้นแล้ว”แต่นักบวชเจ้าเล่ห์ ผู้เป็นหมอผีอาคมฉมัง ได้เข้าสิงพราหมณ์หนุ่มเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องการที่จะละศีลของตน
(เพราะตนเป็นนักพรตอยู่) จึงเดินทางออกจากที่นั้นท่องเที่ยวไปในโลกกว้าง
ร่วมแสดงความคิดเห็นกับทุกๆบทความได้นะครับ
เครดิต http://dakini-naga.blogspot.com/2012/02/blog-post.html
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ชอบครับถ้าวิชานี้เป็นจริงได้คงดี
ตอบลบ